หน้าแรก » แคตตาล็อกออนไลน์ » ซ่อมหลังคาเมทัลชีทรั่ว

บริษัทรับทำกันรั่วซึม - แมทท์เคมมี่

งานบริการของเรา

รายละเอียดสินค้า

ซ่อมหลังคาเมทัลชีทรั่ว

การ ซ่อมหลังคาเมทัลชีทรั่ว เป็นงานที่สำคัญ เพราะหลังคาที่มีการรั่วซึมสามารถทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินภายในอาคารและโครงสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝนที่ฝนตกหนัก หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ซ่อมแซมทันที อาจเกิดการกัดกร่อนของโครงสร้างและการผุกร่อนของวัสดุอื่น ๆ ได้

ขั้นตอนการซ่อมหลังคาเมทัลชีทรั่ว:

  1. การตรวจสอบหาจุดรั่ว

    • ตรวจสอบด้วยตาเปล่า: หากสามารถขึ้นไปบนหลังคาได้ ให้ดูรอยแตกหรือรูที่บริเวณแผ่นเมทัลชีทที่อาจเป็นจุดที่น้ำรั่วเข้าไป
    • ใช้วิธีทดสอบน้ำ: หากไม่สามารถหาจุดรั่วได้ทันที สามารถทดสอบน้ำโดยการฉีดน้ำบนหลังคาและสังเกตว่ามีน้ำซึมเข้ามาภายในอาคารที่ไหน
    • ตรวจสอบรอยต่อ: รอยต่อระหว่างแผ่นเมทัลชีทกับโครงสร้างมักเป็นจุดที่น้ำซึมเข้ามาได้ง่าย
  2. การทำความสะอาดพื้นที่ที่ซ่อมแซม

    • ขจัดสิ่งสกปรก: ทำความสะอาดพื้นที่รอบ ๆ จุดรั่ว เช่น ฝุ่น, คราบสกปรก หรือสนิมที่อาจอยู่บริเวณที่ต้องการซ่อมแซม
    • ตรวจสอบความแข็งแรงของแผ่นเมทัลชีท: หากแผ่นเมทัลชีทมีการผุกร่อนหรือเกิดสนิมมาก ควรพิจารณาเปลี่ยนแผ่นใหม่แทนการซ่อมแซม
  3. การเลือกวัสดุซ่อมแซม

    • ซีลเลอร์ (Sealant): ใช้ซีลเลอร์หรือสารเคลือบซิลิโคนที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่นและทนทานต่อน้ำเพื่อปิดรอยแตกหรือรอยต่อ
    • แผ่นซ่อมเมทัลชีท: หากแผ่นเมทัลชีทมีการเสียหายอย่างมากสามารถติดแผ่นเมทัลชีทซ่อมแซมได้
    • เทปกันซึม: ใช้เทปกันซึมที่มีความทนทานสูงสำหรับปิดรอยต่อหรือจุดที่มีการรั่วซึม
    • วัสดุกันซึม: หากจุดรั่วมีขนาดใหญ่มาก สามารถใช้วัสดุกันซึมที่เหมาะสม เช่น PU (Polyurethane) หรืออีพ็อกซี่ เพื่อป้องกันน้ำรั่ว
  4. การซ่อมแซมจุดรั่ว

    • ซ่อมแซมด้วยซีลเลอร์: หากพบรอยแตกเล็ก ๆ หรือรอยต่อที่มีการรั่วซึม ใช้ซีลเลอร์ทาบริเวณจุดรั่วให้ทั่ว โดยใช้เกรียงหรือเครื่องมือที่เหมาะสมในการทาให้เรียบและปิดแน่น
    • ซ่อมแซมด้วยแผ่นเมทัลชีทใหม่: ถ้าแผ่นเมทัลชีทเดิมมีการเสียหายที่ไม่สามารถซ่อมได้ ควรใช้แผ่นเมทัลชีทใหม่ที่มีขนาดพอดีมาติดตั้งทับแผ่นเก่า
    • ติดตั้งเทปกันซึม: ใช้เทปกันซึมในกรณีที่ต้องการปิดรอยต่อระหว่างแผ่นเมทัลชีท โดยให้ติดตั้งในแนวรอยต่อหรือบริเวณที่น้ำอาจซึมเข้าไปได้
  5. ตรวจสอบการซ่อมแซม

    • หลังจากซ่อมแซมเสร็จแล้ว ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีน้ำรั่วซึมผ่านจุดที่ซ่อมแซม
    • ใช้การทดสอบน้ำเพื่อให้แน่ใจว่าการซ่อมแซมมีประสิทธิภาพ และไม่มีการรั่วซึมเกิดขึ้น
  6. บำรุงรักษาหลังการซ่อมแซม

    • การตรวจสอบสภาพหลังคาเป็นประจำ: ตรวจสอบหลังคาเมทัลชีทอย่างสม่ำเสมอ เพื่อหาจุดที่อาจเกิดการรั่วซึมในอนาคต
    • การขจัดสนิม: หากพบสนิม ควรขจัดและทาน้ำยากันสนิมเพื่อยืดอายุการใช้งานของแผ่นเมทัลชีท
    • การทำความสะอาด: ทำความสะอาดหลังคาเมทัลชีทเป็นระยะ ๆ โดยการขจัดสิ่งสกปรกและฝุ่นที่อาจทำให้หลังคาเสื่อมสภาพ

 

คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติม_5

ข้อมูลติดต่อ

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

รับติดตั้งกันซึมผนังอาคาร
ผู้รับเหมากันรั่ว

รับติดตั้งกันซึมผนังอาคาร

บริษัท แมทท์ เคมมี่ จำกัด

รับติดตั้งกันซึมผนังอาคาร การติดตั้งกันซึมสามารถทำได้โดยวิธีต่างๆ ขึ้นอยู่กับลักษณะของอาคารและวัสดุที่ใช้ ดังนี้ ขั้นตอนการติดตั้งกันซึมผนังอาคาร: การตรวจสอบและเตรียมพื้นที่: ตรวจสอบผนังเพื่อหาจุดที่อาจเกิดการรั่วซึม เช่น รอยแตก, รู, หรือจุดที่มีการซึมของน้ำ ทำความสะอาดผนังจากฝุ่น, คราบสกปรก, และคราบน้ำมันที่อาจมีอยู่ การซ่อมแซมรอยแตก: ก่อนทากันซึม ควรทำการซ่อมแซมรอยแตก หรือการเสื่อมสภาพที่เกิดขึ้นบนผนัง เพื่อให้พื้นผิวมีความเรียบและพร้อมสำหรับการทากันซึม เลือกวัสดุกันซึม: วัสดุกันซึมมีหลายประเภท เช่น: สีทากันซึม (Waterproofing Paint): เป็นสีที่ใช้ทาบนผนังเพื่อป้องกันน้ำซึม สารกันซึมแบบยางมะตอย (Bitumen Membrane): ใช้สำหรับป้องกันน้ำที่มีการไหลผ่านได้ดี แผ่นกันซึม (Waterproofing Membranes): ใช้สำหรับปิดผนังเพื่อป้องกันน้ำจากการซึมเข้า การทากันซึม: ทากันซึมตามประเภทวัสดุที่เลือก โดยทั่วไปอาจใช้แปรงหรือโรลเลอร์ทาบนผนังในชั้นบางๆ โดยเริ่มจากด้านล่างและทาจนถึงด้านบนเพื่อป้องกันการไหลของน้ำ การทิ้งให้แห้ง: ให้เวลาวัสดุกันซึมแห้งตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตแนะนำ โดยบางชนิดอาจต้องทาซ้ำ 2-3 ครั้งเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ตรวจสอบ: ตรวจสอบการติดตั้งหลังจากแห้ง เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีรอยแตกหรือช่องว่างที่อาจทำให้น้ำซึมได้ การเลือกผู้ให้บริการติดตั้งกันซึม  บริษัทหรือช่างผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้งกันซึมก็เป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากจะมีความเชี่ยวชาญในการเลือกวัสดุและวิธีการที่เหมาะสมกับลักษณะของอาคาร โดยคุณสามารถเลือกใช้บริการจากบริษัทที่มีประสบการณ์และรีวิวที่ดี      

ติดตั้งระบบกันซึม ราคา
ผู้รับเหมากันรั่ว

ติดตั้งระบบกันซึม ราคา

บริษัท แมทท์ เคมมี่ จำกัด

ติดตั้งระบบกันซึม ราคา การติดตั้งระบบกันซึม (Waterproofing System) เป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันไม่ให้น้ำซึมเข้าสู่ภายในอาคาร โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากน้ำ เช่น ผนังภายนอก, หลังคา, พื้นดินที่อยู่ต่ำ หรือห้องน้ำ การติดตั้งระบบกันซึมช่วยป้องกันการเกิดความเสียหายจากการซึมของน้ำ เช่น รอยแตกร้าว, การขึ้นรา, หรือการเสื่อมสภาพของโครงสร้าง ขั้นตอนการติดตั้งระบบกันซึม: การประเมินสภาพของอาคาร: การประเมินจุดที่อาจเกิดการซึมของน้ำ เช่น ผนังภายนอก, พื้นที่เชื่อมต่อของหลังคา, หรือส่วนที่มีความชื้นสะสม ตรวจสอบสภาพของพื้นผิวที่ต้องการติดตั้งระบบกันซึม (เช่น ผนัง, หลังคา, พื้น) ว่ามีรอยรั่ว, รอยแตก, หรือไม่ การเลือกวัสดุกันซึม: น้ำยากันซึม (Waterproofing Coatings): เช่น สารเคลือบหรือสีที่ป้องกันน้ำซึม แผ่นกันซึม (Waterproofing Membranes): เป็นวัสดุที่มีลักษณะคล้ายแผ่นบาง ๆ ทดแทนการทาน้ำยา ใช้สำหรับงานที่ต้องการการป้องกันน้ำรั่วซึมที่มีความทนทานสูง วัสดุยางมะตอย (Bituminous Waterproofing): ใช้ในงานกันซึมที่ต้องการทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่มีความรุนแรง การใช้เมมเบรนยาง (Rubber Membrane): ใช้กับงานหลังคาและพื้น เพื่อป้องกันน้ำซึมจากภายนอก การเตรียมพื้นที่ก่อนการติดตั้ง: ทำความสะอาดพื้นผิวให้ปราศจากฝุ่น, คราบสกปรก, หรือสารเคมีที่อาจทำให้วัสดุไม่ติดทน ซ่อมแซมรอยแตกร้าวหรือพื้นที่ที่มีปัญหา ก่อนที่จะเริ่มติดตั้งระบบกันซึม ในบางกรณี อาจต้องทาปูนหรือสารเคมีช่วยเพิ่มการยึดเกาะของวัสดุกันซึม การติดตั้งระบบกันซึม: ระบบทากันซึม: ทาน้ำยากันซึมโดยใช้แปรงหรือโรลเลอร์ ให้ทั่วถึงบนพื้นผิว โดยจะต้องทาให้ได้ความหนาที่เหมาะสมตามคำแนะนำของผู้ผลิต ระบบเมมเบรน: แปะแผ่นกันซึมบนพื้นผิวที่เตรียมไว้แล้ว การติดตั้งมักใช้กาวพิเศษหรือการเชื่อมด้วยความร้อนเพื่อให้แผ่นกันซึมยึดติดกับพื้นผิวได้ดี การติดตั้งชั้นกันซึมหลายชั้น: ในบางกรณีจะต้องทาเมมเบรนหรือวัสดุกันซึมหลายชั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันน้ำ การทิ้งให้แห้ง: หลังจากติดตั้งระบบกันซึมเสร็จแล้ว ต้องให้เวลาวัสดุกันซึมแห้งตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตแนะนำ (อาจใช้เวลา 24 ชั่วโมงขึ้นไป) การตรวจสอบและบำรุงรักษา: ตรวจสอบระบบกันซึมหลังการติดตั้งเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีจุดบกพร่องหรือช่องว่างที่อาจทำให้เกิดการซึมผ่าน การบำรุงรักษาเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อรักษาประสิทธิภาพของระบบกันซึมตลอดอายุการใช้งาน เช่น การทาเคลือบซ้ำหรือการตรวจเช็คความเสียหาย  

pu กันซึมดาดฟ้า ราคา
ผู้รับเหมากันรั่ว

pu กันซึมดาดฟ้า ราคา

บริษัท แมทท์ เคมมี่ จำกัด

pu กันซึมดาดฟ้า ราคา การติดตั้ง PU กันซึมดาดฟ้า (Polyurethane Waterproofing) เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันน้ำซึมผ่านดาดฟ้า เนื่องจาก PU กันซึมเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติในการยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อการขยายตัวและหดตัวของพื้นผิว และสามารถทนต่อการกัดกร่อนจากสภาพอากาศต่างๆ ได้ดี นอกจากนี้ยังมีความทนทานสูงต่อแสงแดดและฝน จึงเหมาะสำหรับการใช้ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากการรั่วซึม เช่น ดาดฟ้า ขั้นตอนการติดตั้ง PU กันซึมดาดฟ้า: การเตรียมพื้นผิว: ทำความสะอาด: ทำความสะอาดพื้นผิวดาดฟ้าให้ปราศจากฝุ่น, คราบมัน, หรือสิ่งสกปรกใด ๆ ที่อาจทำให้วัสดุกันซึมไม่ติดทนนาน ซ่อมแซมพื้นผิว: หากมีรอยแตกหรือหลุมบนดาดฟ้า ควรทำการซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อน เพื่อให้การติดตั้งเป็นไปได้อย่างราบรื่น การทา Primer: การทา Primer หรือสารรองพื้นเป็นขั้นตอนสำคัญในการช่วยให้วัสดุกันซึม (PU) ยึดเกาะกับพื้นผิวได้ดีขึ้น การเลือกวัสดุ PU กันซึม: วัสดุกันซึม PU มีหลายชนิดและหลายรูปแบบ ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม เช่น การเลือกวัสดุ PU ที่มีความยืดหยุ่นสูง หรือมีคุณสมบัติทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ การทา PU กันซึม: ทาชั้นแรก: ทาน้ำยา PU กันซึมให้ทั่วพื้นที่ดาดฟ้า โดยใช้แปรงหรือโรลเลอร์ ให้เรียบและมีความหนาพอสมควร ทาชั้นที่สอง: เมื่อชั้นแรกแห้งแล้ว (ตามระยะเวลาแห้งที่ผู้ผลิตแนะนำ) ให้ทาชั้นที่สองเพื่อเพิ่มความหนาและประสิทธิภาพในการป้องกันน้ำ การทาในบริเวณที่ยากต่อการเข้าถึง: ใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อทากันซึมในพื้นที่เช่นมุมหรือขอบตึก การปูวัสดุเสริม (ถ้าจำเป็น): ในบางกรณีอาจใช้วัสดุเสริม เช่น แผ่นผ้าไฟเบอร์ หรือวัสดุอื่น ๆ เพื่อเสริมความทนทานและเพิ่มการยึดเกาะ การทิ้งให้แห้ง: หลังจากทา PU กันซึมเสร็จแล้ว ควรให้เวลามันแห้งและเซ็ตตัวตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตแนะนำ (ปกติประมาณ 24 ชั่วโมง) การตรวจสอบและทดสอบการกันซึม: หลังจากการติดตั้งเสร็จสิ้น ให้ทำการตรวจสอบการกันซึม โดยการทดสอบน้ำเพื่อดูว่ามีจุดใดที่ยังรั่วซึมหรือไม่ การบำรุงรักษา: การบำรุงรักษา PU กันซึมดาดฟ้าคือการตรวจสอบสภาพพื้นผิวเป็นระยะ และหากพบรอยแตกหรือการเสื่อมสภาพ ควรทำการซ่อมแซมทันทีเพื่อป้องกันน้ำซึม ข้อดีของ PU กันซึม: ยืดหยุ่นสูง: PU กันซึมมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้ทนทานต่อการขยายตัวและหดตัวของพื้นผิว ทนทานต่อสภาพอากาศ: สามารถทนทานต่อแสงแดดและฝนได้ดี เหมาะสำหรับพื้นที่ดาดฟ้าที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่แปรปรวน ติดตั้งง่าย: การติดตั้ง PU กันซึมค่อนข้างง่ายและสามารถทำได้เองหรือจ้างช่างผู้เชี่ยวชาญได้ ไม่มีกลิ่นแรง: เมื่อเทียบกับวัสดุกันซึมประเภทอื่น ๆ PU กันซึมมักจะมีกลิ่นที่ไม่แรง ทำให้สามารถใช้งานได้ในพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานอยู่

อีพ็อกซี่กันซึม
ผู้รับเหมากันรั่ว

อีพ็อกซี่กันซึม

บริษัท แมทท์ เคมมี่ จำกัด

อีพ็อกซี่กันซึม อีพ็อกซี่กันซึม (Epoxy Waterproofing) เป็นวัสดุกันซึมที่ใช้ในการป้องกันน้ำซึมเข้าผนังหรือพื้นผิวของอาคาร เช่น ห้องน้ำ, ดาดฟ้า, หรือพื้นต่างๆ โดยใช้เทคโนโลยีของเรซินอีพ็อกซี่ ซึ่งมีคุณสมบัติในการยึดเกาะที่ดีเยี่ยม ทนทานต่อการกัดกร่อน และป้องกันน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณสมบัติของอีพ็อกซี่กันซึม: ทนทานต่อการกัดกร่อน: อีพ็อกซี่มีความทนทานต่อสารเคมีและการกัดกร่อนจากน้ำหรือสารต่างๆ ได้ดี ยึดเกาะดีเยี่ยม: สามารถยึดเกาะกับพื้นผิวได้ดี เช่น ปูนซีเมนต์, โลหะ, หรือคอนกรีต ความแข็งแรง: มีความแข็งแรงและทนทานต่อการใช้งานที่มีการสัมผัสน้ำหรือน้ำหนัก ทนทานต่อการขูดขีด: ทนทานต่อการขูดขีดและการใช้งานที่มีการเสียดสี ทนต่ออุณหภูมิสูง: สามารถทนความร้อนได้ดี ขั้นตอนการติดตั้งอีพ็อกซี่กันซึม: การเตรียมพื้นผิว: ทำความสะอาด: ควรทำความสะอาดพื้นผิวให้ปราศจากฝุ่น, น้ำมัน, และคราบสกปรก เพื่อให้วัสดุกันซึมยึดเกาะได้ดี ซ่อมแซมรอยแตก: หากมีรอยแตกร้าวหรือรูในพื้นผิว ควรทำการซ่อมแซมก่อน โดยการใช้วัสดุที่เหมาะสม การทา Primer: ทาฐานรองพื้น (Primer): การทา Primer ก่อนการทาอีพ็อกซี่ช่วยให้วัสดุกันซึมมีการยึดเกาะที่ดีกับพื้นผิว การทา Primer ควรทาให้ทั่วทั้งพื้นที่ และให้แห้งสนิทก่อนที่จะทาชั้นถัดไป การผสมอีพ็อกซี่: ผสมอีพ็อกซี่: อีพ็อกซี่กันซึมมักจะประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนของเรซินและส่วนของฮาร์ดเนอร์ ซึ่งต้องผสมในอัตราส่วนที่ถูกต้องก่อนการทา การผสมต้องระมัดระวัง: ควรผสมในปริมาณที่พอดี เพราะหากผสมมากเกินไปหรือไม่ผสมให้เข้ากัน อาจทำให้การยึดเกาะไม่ดีหรือวัสดุไม่แห้งสนิท การทาอีพ็อกซี่กันซึม: ทาชั้นแรก: ทาอีพ็อกซี่ลงบนพื้นผิวที่เตรียมไว้ให้ทั่วถึง โดยใช้แปรงหรือโรลเลอร์เพื่อให้กระจายทั่วพื้นที่ ทาชั้นที่สอง: เมื่อชั้นแรกแห้ง (ตามเวลาที่ผู้ผลิตแนะนำ) ให้ทาชั้นที่สองเพื่อเพิ่มความหนาและประสิทธิภาพในการกันซึม ทาซ้ำในบริเวณที่จำเป็น: ในบางกรณีที่มีการใช้งานหนักหรือมีพื้นที่ที่ต้องการการป้องกันมากขึ้น อาจจะต้องทาซ้ำในบางจุด การทิ้งให้แห้ง: หลังจากทาอีพ็อกซี่เสร็จแล้ว ควรให้มันแห้งสนิทก่อนการใช้งาน โดยอาจใช้เวลา 24 ชั่วโมงขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความหนาของชั้นที่ทา การตรวจสอบ: หลังจากทาน้ำยาแห้งแล้ว ควรทำการตรวจสอบให้มั่นใจว่ามีการทาอย่างทั่วถึงและไม่มีจุดที่น้ำสามารถซึมผ่านได้ ข้อดีของอีพ็อกซี่กันซึม: ความแข็งแรงและทนทาน: สามารถทนต่อการกัดกร่อน, น้ำ, สารเคมี, และการใช้งานหนักได้ดี เหมาะสำหรับพื้นที่ใช้งานหนัก: เช่น พื้นที่ที่มีการเดินผ่านบ่อย หรือพื้นผิวที่ต้องสัมผัสกับน้ำมาก มีความทนทานสูง: ไม่เกิดการเสื่อมสภาพเร็วและสามารถใช้งานได้ยาวนาน แห้งเร็ว: อีพ็อกซี่ส่วนใหญ่จะแห้งเร็ว ทำให้สามารถทำงานได้ต่อเนื่อง  

ระบบกันซึมดาดฟ้า ราคา
ผู้รับเหมากันรั่ว

ระบบกันซึมดาดฟ้า ราคา

บริษัท แมทท์ เคมมี่ จำกัด

ระบบกันซึมดาดฟ้า ราคา การติดตั้ง ระบบกันซึมดาดฟ้า เป็นการป้องกันน้ำซึมผ่านไปยังพื้นที่ภายในอาคาร โดยเฉพาะในส่วนของดาดฟ้าที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เช่น ฝนตกหนัก, แสงแดดจัด หรืออุณหภูมิสูง ซึ่งหากไม่ติดตั้งระบบกันซึมที่มีคุณภาพ อาจทำให้เกิดความเสียหาย เช่น รอยรั่ว, การสะสมของน้ำ หรือการกัดกร่อนของโครงสร้างได้ ประเภทของระบบกันซึมดาดฟ้า ระบบกันซึมด้วยวัสดุอีพ็อกซี่ (Epoxy Waterproofing): ระบบนี้ใช้สารเรซินอีพ็อกซี่ในการป้องกันน้ำซึม ซึ่งมีความทนทานต่อการขูดขีดและการเสียดสี การติดตั้งต้องการการเตรียมพื้นผิวอย่างละเอียดเพื่อให้วัสดุสามารถยึดเกาะได้ดี เหมาะสำหรับพื้นดาดฟ้าที่มีการใช้งานหรือมีการสัมผัสกับน้ำบ่อยๆ ระบบกันซึมด้วย PU (Polyurethane Waterproofing): PU เป็นวัสดุกันซึมที่มีความยืดหยุ่นสูงและทนทานต่อการขยายตัวและหดตัวของพื้นผิว เป็นวัสดุกันซึมที่นิยมใช้ในงานกันซึมดาดฟ้าเนื่องจากสามารถรองรับการเคลื่อนตัวของโครงสร้างได้ดี ใช้ได้ดีในพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและสภาพอากาศ ระบบกันซึมด้วยเมมเบรน (Waterproofing Membranes): ใช้แผ่นกันซึมที่ทำจากวัสดุที่มีความหนา เช่น ยางมะตอย (Bitumen) หรือ PVC ที่สามารถป้องกันน้ำซึมได้ ระบบนี้เหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น ดาดฟ้าที่ต้องการการป้องกันน้ำเป็นระยะเวลานาน การติดตั้งจะต้องใช้เทคนิคการเชื่อมรอยต่อของแผ่นเมมเบรนให้แน่นหนา ระบบกันซึมแบบยางมะตอย (Bitumen Waterproofing): ใช้การทายางมะตอยบนพื้นดาดฟ้าเพื่อป้องกันน้ำซึม เป็นวิธีที่มีความทนทานต่อการกัดกร่อนและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการการป้องกันน้ำที่มีความทนทานสูง ขั้นตอนการติดตั้งระบบกันซึมดาดฟ้า: การเตรียมพื้นผิว: ทำความสะอาดพื้นผิวดาดฟ้าให้ปราศจากฝุ่น, คราบสกปรก, น้ำมัน หรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ ที่อาจทำให้วัสดุกันซึมไม่ยึดเกาะได้ดี ซ่อมแซมรอยแตกหรือรอยรั่วที่อาจมีในพื้นผิวดาดฟ้า การทา Primer (กรณีต้องใช้): หากระบบกันซึมที่เลือกต้องการการใช้ Primer ควรทาให้ทั่วพื้นผิวดาดฟ้า โดยใช้แปรงหรือโรลเลอร์เพื่อให้การยึดเกาะของวัสดุกันซึมเป็นไปได้ดี ทิ้งไว้ให้แห้งตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตแนะนำ การติดตั้งระบบกันซึม: อีพ็อกซี่กันซึม: ทาน้ำยาอีพ็อกซี่ให้ทั่วดาดฟ้าในชั้นบาง ๆ หลายชั้นจนกระทั่งได้ความหนาที่ต้องการ PU กันซึม: ทาน้ำยา PU กันซึมให้ทั่วผิวดาดฟ้า โดยใช้แปรงหรือโรลเลอร์ในการทาให้ทั่วและเน้นบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อการซึมของน้ำ เมมเบรน: ปูแผ่นเมมเบรนกันซึมลงบนพื้นดาดฟ้าและทำการเชื่อมรอยต่อให้แน่นหนาด้วยความร้อนหรือกาวพิเศษ ยางมะตอย: ทายางมะตอยให้ทั่วพื้นดาดฟ้าโดยใช้แปรงหรือโรลเลอร์เพื่อให้แน่ใจว่าวัสดุกันซึมครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด การทิ้งให้แห้ง: หลังจากการติดตั้งแต่ละชั้นเสร็จสิ้น ควรทิ้งให้แห้งตามเวลาที่ผู้ผลิตแนะนำ (ประมาณ 24 ชั่วโมงขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและวัสดุที่ใช้) การตรวจสอบ: เมื่อการติดตั้งเสร็จสิ้น ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีจุดที่วัสดุกันซึมขาดหรือรั่วซึม และทดสอบการกันซึมด้วยการปล่อยน้ำบนพื้นที่ติดตั้งเพื่อให้แน่ใจว่าป้องกันน้ำได้ 100% การบำรุงรักษา: ตรวจสอบระบบกันซึมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อหาจุดที่อาจจะเสื่อมสภาพหรือเกิดรอยแตก เพื่อการซ่อมแซมและบำรุงรักษาให้มีประสิทธิภาพในระยะยาว ข้อดีของการติดตั้งระบบกันซึมดาดฟ้า: ป้องกันน้ำรั่วซึม: ระบบกันซึมช่วยป้องกันน้ำซึมผ่านดาดฟ้าไปยังชั้นล่างของอาคาร ยืดอายุการใช้งานของอาคาร: การติดตั้งกันซึมช่วยป้องกันความเสียหายจากน้ำ ซึ่งทำให้โครงสร้างอาคารมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ง่ายต่อการบำรุงรักษา: ระบบกันซึมที่ติดตั้งถูกต้องจะช่วยลดปัญหาน้ำรั่วและบำรุงรักษาง่าย  

ติดตั้งระบบดาดฟ้ารั่วซึม
ผู้รับเหมากันรั่ว

ติดตั้งระบบดาดฟ้ารั่วซึม

บริษัท แมทท์ เคมมี่ จำกัด

ติดตั้งระบบดาดฟ้ารั่วซึม การ ติดตั้งระบบกันซึมดาดฟ้ารั่วซึม เป็นการแก้ปัญหาน้ำรั่วจากการที่ระบบกันซึมเดิมเสื่อมสภาพหรือมีช่องทางน้ำซึมผ่าน เพื่อให้ดาดฟ้าปลอดภัยจากน้ำซึมเข้าสู่ตัวอาคารและโครงสร้างภายใน ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสียหายจากน้ำที่อาจทำให้เกิดการผุกร่อน, การเกิดรา, หรือการเสื่อมสภาพของวัสดุในอาคาร ขั้นตอนการติดตั้งระบบกันซึมดาดฟ้ารั่วซึม การประเมินสภาพของดาดฟ้า ตรวจสอบสาเหตุของการรั่วซึม: เริ่มต้นด้วยการประเมินปัญหาน้ำรั่วจากดาดฟ้า อาจเกิดจากวัสดุกันซึมเดิมเสื่อมสภาพ หรือมีรอยรั่วจากรอยต่อ, ช่องระหว่างวัสดุ, หรือแม้แต่รอยแตกในพื้น ทำการระบุตำแหน่งที่น้ำซึม: ใช้การทดสอบน้ำ หรือการตรวจสอบพื้นที่ที่มีน้ำขังเพื่อหาจุดที่น้ำสามารถซึมผ่านได้ การเตรียมพื้นผิวก่อนการติดตั้งระบบกันซึมใหม่ ทำความสะอาดพื้นผิวดาดฟ้า: ขจัดฝุ่น, สิ่งสกปรก, น้ำมัน, หรือคราบสกปรกที่อาจทำให้วัสดุกันซึมใหม่ไม่ยึดเกาะกับพื้นผิวได้ดี ซ่อมแซมรอยแตกหรือจุดที่มีความเสียหาย: ใช้วัสดุซ่อมแซม เช่น ปูนฉาบ หรือวัสดุเติมรอยแตกร้าว ที่อาจมีอยู่บนพื้นผิวดาดฟ้า ตรวจสอบการระบายน้ำ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบการระบายน้ำของดาดฟ้าทำงานได้ดี ไม่มีอุปสรรคที่อาจทำให้น้ำขังอยู่บนดาดฟ้า การเลือกวัสดุกันซึมที่เหมาะสม PU กันซึม (Polyurethane Waterproofing): เหมาะสำหรับพื้นที่ดาดฟ้าที่ต้องการการยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและการขยายตัวของพื้นผิว อีพ็อกซี่กันซึม (Epoxy Waterproofing): เหมาะสำหรับดาดฟ้าที่ต้องการความทนทานสูงต่อการขูดขีดและการกัดกร่อน เมมเบรนกันซึม (Waterproofing Membranes): ใช้สำหรับงานดาดฟ้าที่ต้องการการป้องกันน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและทนทาน โดยมีแผ่นวัสดุกันซึมที่สามารถปูลงบนพื้นผิวได้ ยางมะตอย (Bitumen Waterproofing): เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการวัสดุที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่มีความรุนแรง การทา Primer หรือสารรองพื้น (ถ้าจำเป็น) ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ Primer ควรทารองพื้นให้ทั่วพื้นที่ดาดฟ้า เพื่อช่วยให้วัสดุกันซึมยึดเกาะได้ดีขึ้น ให้ Primer แห้งตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตแนะนำก่อนที่จะเริ่มติดตั้งชั้นกันซึม การติดตั้งระบบกันซึม ทา PU กันซึม (Polyurethane): ทา PU กันซึมลงบนพื้นผิวดาดฟ้าให้ทั่ว โดยใช้แปรงหรือโรลเลอร์ในการทาให้ทั่วและเรียบเนียน ทาในชั้นบาง ๆ หลายชั้นตามคำแนะนำของผู้ผลิต ติดตั้งเมมเบรน (Membrane): ในกรณีที่เลือกใช้เมมเบรนกันซึม ให้ปูแผ่นเมมเบรนลงบนพื้นผิวดาดฟ้า จากนั้นทำการเชื่อมรอยต่อให้แน่นหนา เพื่อป้องกันน้ำซึมผ่าน การติดตั้งระบบกันซึมแบบยางมะตอย (Bitumen): ทายางมะตอยให้ทั่วดาดฟ้า และใช้แปรงหรือโรลเลอร์ในการทาให้ทั่วเนื้อวัสดุ การทิ้งให้แห้ง หลังจากการติดตั้งระบบกันซึมเสร็จสิ้น ควรให้วัสดุกันซึมแห้งสนิทตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตแนะนำ เพื่อให้การยึดเกาะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันการรั่วซึม ระยะเวลาแห้งอาจแตกต่างกันไปตามประเภทของวัสดุที่ใช้ การทดสอบการกันซึม หลังจากการติดตั้งเสร็จสิ้น ควรทดสอบระบบกันซึมโดยการปล่อยน้ำบนพื้นดาดฟ้าเพื่อดูว่ามีจุดที่น้ำซึมผ่านหรือไม่ หากพบจุดที่น้ำซึมเข้าไปได้ ให้ทำการซ่อมแซมและตรวจสอบอีกครั้ง การบำรุงรักษา การตรวจสอบเป็นระยะ: ควรตรวจสอบระบบกันซึมอย่างสม่ำเสมอ เช่น หลังจากฤดูฝนหรือหลังจากที่ดาดฟ้าเผชิญกับสภาพอากาศที่รุนแรง การซ่อมแซมจุดรั่ว: หากพบว่ามีจุดที่รั่วซึมหลังการติดตั้งระบบกันซึม ควรทำการซ่อมแซมทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ข้อดีของการติดตั้งระบบกันซึมดาดฟ้ารั่วซึม: ป้องกันน้ำรั่ว: ช่วยป้องกันการซึมของน้ำที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างและผนังของอาคาร ยืดอายุการใช้งานของอาคาร: การป้องกันน้ำซึมช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดการเสื่อมสภาพของโครงสร้างที่อาจมีผลระยะยาว ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม: การติดตั้งระบบกันซึมที่ดีจะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาอาคาร  

รับติดตั้งงานเคลือบกันซึม
ผู้รับเหมากันรั่ว

รับติดตั้งงานเคลือบกันซึม

บริษัท แมทท์ เคมมี่ จำกัด

รับติดตั้งงานเคลือบกันซึม การ ติดตั้งงานเคลือบกันซึม เป็นกระบวนการสำคัญในการป้องกันน้ำรั่วซึมเข้าสู่อาคาร โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายจากน้ำ เช่น หลังคา ดาดฟ้า หรือผนังอาคาร ซึ่งการเคลือบกันซึมจะช่วยยืดอายุการใช้งานของโครงสร้างและลดปัญหาที่อาจเกิดจากน้ำรั่วซึม การติดตั้งงานเคลือบกันซึม กระบวนการติดตั้งงานเคลือบกันซึมโดยทั่วไปมีขั้นตอนดังนี้: 1. การเลือกวัสดุกันซึม การเลือกวัสดุกันซึมที่เหมาะสมกับลักษณะงานเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งวัสดุที่นิยมใช้ได้แก่: อีพ็อกซี่ (Epoxy): เหมาะสำหรับพื้นผิวที่ต้องการความทนทานต่อการขูดขีดและการเสียดสี เช่น พื้นดาดฟ้า PU (Polyurethane): มีความยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการขยายตัวและหดตัว เช่น หลังคา ยางมะตอย (Bitumen): ทนทานต่อสภาพอากาศที่รุนแรง เหมาะสำหรับงานเคลือบที่ต้องการความแข็งแรงและทนทาน เมมเบรน (Membranes): ใช้สำหรับการปูทับพื้นผิวใหญ่ เช่น ดาดฟ้าหรือพื้นสนาม 2. การเตรียมพื้นผิว ทำความสะอาดพื้นผิว: ก่อนที่จะทำการเคลือบกันซึม ควรทำความสะอาดพื้นที่ที่จะเคลือบอย่างละเอียด ขจัดฝุ่น, คราบสกปรก, น้ำมัน และสิ่งกีดขวางอื่นๆ ที่อาจทำให้วัสดุกันซึมไม่ยึดเกาะได้ดี การซ่อมแซมรอยแตก: หากพบรอยแตกหรือจุดที่เสื่อมสภาพบนพื้นผิว เช่น รอยแตกร้าวบนหลังคาหรือดาดฟ้า ควรซ่อมแซมก่อนการเคลือบกันซึม โดยการใช้วัสดุซ่อมแซมที่เหมาะสม 3. การทา Primer (กรณีที่จำเป็น) บางประเภทของวัสดุกันซึมต้องการการทา Primer หรือสารรองพื้นก่อน เพื่อช่วยให้วัสดุกันซึมยึดเกาะได้ดีขึ้น โดยทาให้ทั่วพื้นผิวและทิ้งให้แห้งตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตแนะนำ 4. การติดตั้งระบบกันซึม การทาเคลือบกันซึม: ใช้แปรง, โรลเลอร์ หรือเครื่องมือพ่นเพื่อทากันซึมให้ทั่วพื้นผิว ในบางกรณีอาจต้องทาหลายชั้นตามที่ผู้ผลิตแนะนำ โดยให้ทาแต่ละชั้นให้บางและเรียบเนียน การใช้วัสดุเมมเบรน: สำหรับบางงาน อาจจำเป็นต้องใช้แผ่นเมมเบรนกันซึม ซึ่งจะถูกติดตั้งบนพื้นผิวและเชื่อมต่อรอยต่อให้แน่นหนาด้วยความร้อนหรือการกาวพิเศษ การเคลือบด้วยยางมะตอย (Bitumen): ถ้าใช้ยางมะตอยทากันซึม ควรใช้แปรงทาหรือโรลเลอร์ในการทาให้ทั่วพื้นที่ดาดฟ้าและติดแผ่นยางมะตอยให้เรียบร้อย 5. การตรวจสอบและทดสอบ หลังจากติดตั้งเสร็จแล้ว ควรทำการตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีจุดที่วัสดุกันซึมไม่เต็มหรือรั่วซึมออกมา วิธีการทดสอบคือการฉีดน้ำหรือราดน้ำบนพื้นผิวที่เคลือบกันซึมเพื่อตรวจสอบว่าไม่มีน้ำรั่วซึม 6. การบำรุงรักษาหลังการติดตั้ง ควรทำการตรวจสอบการเคลือบกันซึมเป็นระยะ เช่น หลังจากการใช้งานในระยะเวลาหนึ่ง หรือหลังจากการเกิดพายุหรือฝนตกหนัก การบำรุงรักษาคือการตรวจสอบว่าไม่มีการเสื่อมสภาพหรือการรั่วซึมที่เกิดจากการใช้งาน หรือการสัมผัสกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ข้อดีของการติดตั้งงานเคลือบกันซึม: ป้องกันน้ำรั่ว: ระบบกันซึมที่ดีช่วยป้องกันการซึมของน้ำจากฝนหรือความชื้นภายนอกเข้าสู่อาคาร ยืดอายุการใช้งาน: ช่วยยืดอายุการใช้งานของโครงสร้างอาคารและส่วนต่างๆ เช่น หลังคา, ดาดฟ้า, ผนัง ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา: การติดตั้งงานเคลือบกันซึมที่มีคุณภาพจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอาคารในระยะยาว เพิ่มความปลอดภัย: ป้องกันการเกิดปัญหาน้ำรั่วที่อาจทำให้เกิดความเสียหายหรืออันตรายต่อผู้ใช้งาน  

รับซ่อมดาดฟ้ารั่วซึม
ผู้รับเหมากันรั่ว

รับซ่อมดาดฟ้ารั่วซึม

บริษัท แมทท์ เคมมี่ จำกัด

รับซ่อมดาดฟ้ารั่วซึม การ ซ่อมดาดฟ้ารั่วซึม เป็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อดาดฟ้าของอาคารมีน้ำซึมผ่านเข้าไป ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างอาคารได้ การซ่อมแซมดาดฟ้าที่รั่วซึมควรทำให้ถูกวิธีเพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคต ขั้นตอนการซ่อมดาดฟ้ารั่วซึม 1. ตรวจสอบหาจุดรั่วซึม ตรวจสอบด้วยตาเปล่า: ขึ้นไปดูบนดาดฟ้าเพื่อตรวจสอบหาจุดที่น้ำซึมผ่านมาจากฝ้าเพดานหรือผนังภายในอาคาร การทดสอบน้ำ: หากไม่สามารถหาจุดที่ชัดเจนได้ ให้ลองฉีดน้ำลงบนดาดฟ้าเพื่อดูว่ามีจุดไหนที่น้ำซึมเข้าไป ตรวจสอบรอยต่อและรอยแตก: โดยทั่วไปแล้วรอยต่อระหว่างแผ่นวัสดุ หรือรอยแตกของพื้นดาดฟ้าคือจุดที่มักจะเกิดการรั่วซึม 2. ทำความสะอาดพื้นผิว ก่อนการซ่อมแซมควรทำความสะอาดพื้นผิวดาดฟ้า เช่น การขจัดฝุ่น คราบสกปรก และเศษวัสดุต่าง ๆ เพื่อให้วัสดุที่ใช้ในการซ่อมแซมยึดเกาะได้ดี ขจัดสนิม (ถ้ามี): หากพบว่าแผ่นวัสดุเป็นเหล็กหรือมีสนิม ควรขจัดสนิมออกให้หมดและทาน้ำยากันสนิม 3. การซ่อมแซมจุดรั่ว การซ่อมแซมด้วยวัสดุกันซึม: ใช้วัสดุกันซึมที่เหมาะสม เช่น PU กันซึม หรืออีพ็อกซี่ กันซึม ทาที่จุดที่พบการรั่วซึมให้ทั่ว โดยให้การเคลือบกันซึมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้แผ่นเมมเบรนกันซึม: หากรอยรั่วเป็นจุดใหญ่หรือแผ่นวัสดุเก่าเริ่มเสื่อมสภาพ อาจจำเป็นต้องติดแผ่นเมมเบรนกันซึมใหม่ทับลงไปบนพื้นผิว การติดตั้งเทปกันซึม: สำหรับรอยต่อที่อาจเป็นจุดที่น้ำซึมผ่านได้ การติดตั้งเทปกันซึมในรอยต่อสามารถช่วยป้องกันน้ำซึมได้ดี 4. การทา Primer (ถ้าจำเป็น) บางวัสดุกันซึมอาจต้องการการทา Primer หรือสารรองพื้นก่อนเพื่อช่วยให้วัสดุกันซึมยึดเกาะกับพื้นผิวได้ดีขึ้น หากวัสดุที่เลือกใช้มีคำแนะนำให้ทารองพื้น ควรทารองพื้นตามคำแนะนำของผู้ผลิต 5. การทาระบบกันซึม ทาเคลือบกันซึมหลายชั้น: หากการซ่อมแซมจุดรั่วมีขนาดใหญ่หรือจุดที่ต้องการการป้องกันที่แข็งแรง ให้ทาเคลือบระบบกันซึมหลายชั้น โดยให้แต่ละชั้นแห้งสนิทก่อนที่จะทาชั้นต่อไป ทากันซึมให้ทั่ว: ใช้แปรงหรือโรลเลอร์ในการทาระบบกันซึมให้ทั่วพื้นผิวและให้การทาทุกมุมและรอยต่ออย่างละเอียด 6. ตรวจสอบการซ่อมแซม หลังจากการซ่อมแซมเสร็จสิ้น ควรตรวจสอบพื้นที่ที่ซ่อมแซมอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการรั่วซึมผ่านจุดที่ซ่อมแซม สามารถทดสอบได้โดยการปล่อยน้ำหรือลองราดน้ำบริเวณที่ซ่อมแซมเพื่อดูว่ามีจุดที่น้ำซึมผ่านหรือไม่ 7. การบำรุงรักษาหลังการซ่อมแซม ตรวจสอบเป็นระยะ: หลังจากการซ่อมแซม ควรตรวจสอบพื้นผิวดาดฟ้าเป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะหลังจากฝนตกหนักหรือในช่วงฤดูฝน ทำความสะอาด: ทำความสะอาดพื้นผิวดาดฟ้าเพื่อให้วัสดุกันซึมสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ วัสดุที่ใช้ในการซ่อมดาดฟ้ารั่วซึม Polyurethane (PU) กันซึม: ทนทานและยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการการป้องกันน้ำซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีพ็อกซี่ (Epoxy): ใช้ในพื้นที่ที่ต้องการความทนทานสูงและการป้องกันน้ำรั่วซึมเป็นพิเศษ เมมเบรนกันซึม: ใช้แผ่นวัสดุกันซึมที่มีความทนทานสูงและเหมาะสมกับการใช้งานในพื้นที่กว้าง ยางมะตอย (Bitumen): ใช้ในงานซ่อมแซมดาดฟ้าที่ต้องการการป้องกันน้ำที่ดี ข้อดีของการซ่อมดาดฟ้ารั่วซึม ป้องกันความเสียหาย: การซ่อมแซมดาดฟ้าที่รั่วซึมจะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำซึมเข้ามาในอาคาร ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างและส่วนอื่น ๆ ของอาคาร ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว: การซ่อมแซมและป้องกันน้ำซึมจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากน้ำรั่วซึม ยืดอายุการใช้งาน: การบำรุงรักษาและซ่อมแซมดาดฟ้าอย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุการใช้งานของอาคารและโครงสร้าง  

รับเหมาติดตั้งระบบกันซึม
ผู้รับเหมากันรั่ว

รับเหมาติดตั้งระบบกันซึม

บริษัท แมทท์ เคมมี่ จำกัด

รับเหมาติดตั้งระบบกันซึม การ รับเหมาติดตั้งระบบกันซึม คือการให้บริการติดตั้งระบบกันซึมสำหรับอาคาร เพื่อป้องกันน้ำรั่วซึมที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ เช่น หลังคา, ดาดฟ้า, ผนัง หรือพื้นของอาคาร โดยการใช้วัสดุกันซึมที่มีคุณสมบัติป้องกันน้ำซึมเข้าไปในโครงสร้างและพื้นที่ภายในอาคาร ซึ่งมีความสำคัญมากในช่วงฤดูฝนหรือสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง บริการติดตั้งระบบกันซึมที่สามารถรับเหมาได้ ติดตั้งระบบกันซึมหลังคา วัสดุที่ใช้: PU กันซึม, อีพ็อกซี่, ยางมะตอย, เมมเบรน (Membrane) ขั้นตอนการติดตั้ง: ตรวจสอบและทำความสะอาดพื้นผิวหลังคา ทาระบบกันซึมให้ทั่วพื้นผิวหรือใช้แผ่นเมมเบรนในการติดตั้ง ปิดรอยต่อและมุมที่มีโอกาสน้ำซึมเข้าด้วยวัสดุกันซึมที่เหมาะสม ติดตั้งระบบกันซึมดาดฟ้า วัสดุที่ใช้: PU กันซึม, เมมเบรนกันซึม, อีพ็อกซี่ ขั้นตอนการติดตั้ง: ตรวจสอบสภาพของดาดฟ้าและซ่อมแซมจุดที่มีรอยแตก ทำความสะอาดพื้นผิวให้เรียบร้อย ทาระบบกันซึมตามพื้นที่ที่กำหนด (สามารถทาหลายชั้นตามความจำเป็น) ติดตั้งแผ่นเมมเบรนกันซึมในจุดที่ต้องการ ติดตั้งระบบกันซึมผนังอาคาร วัสดุที่ใช้: PU กันซึม, อีพ็อกซี่, ซีลเลอร์กันซึม ขั้นตอนการติดตั้ง: ตรวจสอบและทำความสะอาดผนัง ทาระบบกันซึมที่ผนังในบริเวณที่อาจเกิดการรั่วซึม ตรวจสอบการยึดเกาะของระบบกันซึมให้ดี ติดตั้งระบบกันซึมพื้นอาคาร วัสดุที่ใช้: อีพ็อกซี่กันซึม, PU กันซึม ขั้นตอนการติดตั้ง: ตรวจสอบสภาพพื้นและทำการเตรียมพื้นผิวให้พร้อม ทาระบบกันซึมให้ทั่วพื้น ตรวจสอบการยึดเกาะของวัสดุกันซึม ติดตั้งระบบกันซึมในพื้นที่เฉพาะ (เช่น ห้องน้ำ, ห้องครัว) วัสดุที่ใช้: PU กันซึม, ซีลเลอร์, อีพ็อกซี่กันซึม ขั้นตอนการติดตั้ง: ทำความสะอาดพื้นที่ที่ต้องการติดตั้ง ติดตั้งวัสดุกันซึมในพื้นที่เฉพาะที่มีโอกาสน้ำรั่วซึม การเลือกวัสดุกันซึม Polyurethane (PU): วัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อสภาพอากาศและการขยายตัวของวัสดุอื่นๆ เหมาะสำหรับการใช้บนดาดฟ้า หลังคา และพื้น อีพ็อกซี่ (Epoxy): ทนทานต่อการเสียดสีและการขูดขีด เหมาะสำหรับการใช้ในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก ยางมะตอย (Bitumen): ใช้ในการติดตั้งระบบกันซึมที่ต้องการความแข็งแรงและทนทานสูง เมมเบรนกันซึม (Membrane): ใช้ในการติดตั้งที่ต้องการป้องกันน้ำรั่วซึมในพื้นที่ใหญ่ เช่น ดาดฟ้า ขั้นตอนการติดตั้งระบบกันซึม การตรวจสอบและเตรียมพื้นที่: ตรวจสอบสภาพพื้นผิวที่ต้องการติดตั้งระบบกันซึม เช่น การทำความสะอาดพื้นผิว, ซ่อมแซมรอยแตก, ขจัดฝุ่นและคราบน้ำมัน ตรวจสอบจุดที่อาจเกิดการรั่วซึม เช่น รอยต่อ, รอยแตกร้าว, หรือรอยตะเข็บต่างๆ การทาระบบกันซึม: ทาระบบกันซึมให้ทั่วพื้นผิว โดยใช้แปรง, โรลเลอร์ หรือเครื่องพ่นตามความเหมาะสม หากต้องการความหนาของชั้นกันซึมมากขึ้น สามารถทาเพิ่มหลายชั้น โดยทิ้งให้แต่ละชั้นแห้งก่อน การติดตั้งเมมเบรนกันซึม: หากใช้แผ่นเมมเบรนกันซึม ติดตั้งแผ่นเมมเบรนบนพื้นผิวและยึดติดด้วยความร้อนหรือวิธีการที่เหมาะสม ติดตั้งแผ่นเมมเบรนให้เรียบร้อยและปิดรอยต่อให้แน่นหนา การตรวจสอบการติดตั้ง: ตรวจสอบการยึดเกาะของระบบกันซึมกับพื้นผิวให้ดี โดยอาจทำการทดสอบด้วยการฉีดน้ำหรือราดน้ำบนพื้นผิวที่ติดตั้ง การบำรุงรักษาหลังการติดตั้ง: ควรตรวจสอบและทำความสะอาดระบบกันซึมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพในการกันซึม ข้อดีของการติดตั้งระบบกันซึม ป้องกันน้ำรั่วซึม: ระบบกันซึมช่วยป้องกันไม่ให้น้ำซึมเข้าไปในอาคาร ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างหรือทรัพย์สินภายใน เพิ่มอายุการใช้งานของอาคาร: การติดตั้งระบบกันซึมอย่างถูกต้องจะช่วยยืดอายุการใช้งานของอาคารโดยการป้องกันการเสื่อมสภาพจากน้ำ ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา: การติดตั้งระบบกันซึมที่มีคุณภาพจะช่วยลดปัญหาน้ำรั่วซึมในอนาคต ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม ประหยัดพลังงาน: การติดตั้งระบบกันซึมในบางกรณีสามารถช่วยลดการสูญเสียความร้อนหรือความเย็นจากภายนอก ส่งผลให้ประหยัดพลังงาน